วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

1.2.5 พื้นฐานในการเขียนโปรแกรมด้วย Visual Basic6

1.2.5   พื้นฐานในการเขียนโปรแกรมด้วย Visual Basic6

      ข้อมูลชนิดต่างๆ ที่ Visual Basic อนุญาตให้เราสามารถใช้งานในการเขียนโปรแกรมได้แก่
     

ชนิด

คำอธิบาย
ขนาดหน่วยความจำ
Byte
เป็นข้อมูลตัวเลขจำนวนเต็มตั้งแต่ 0 ถึง 255
1 ไบต์
Boolean
เป็นข้อมูลทางตรรก : จริง (TRUE), เท็จ (FALSE)
2 ไบต์
Integer
เป็นจำนวนเต็มระหว่าง –32,768 ถึง 32,767
2 ไบต์
Long
เป็นจำนวนเต็มระหว่าง – 2,147,483,648 ถึง 2,147,483,647
4 ไบต์
Single
เป็นเลขทศนิยมระหว่าง –3.402823E38 ถึง –1.401298E-4 สำหรับค่าลบ และ 1.401298E-45 ถึง 3.402823E38 สำหรับค่าบวก 4 ไบต์

Double
เป็นเลขทศนิยมระหว่าง –1.79769313486232E308 ถึง           –4.940656458-41247E-324 สำหรับค่าลบและ 4.940656458-41247E-324  ถึง 1.79769313486232E308 สำหรับค่าบวก
8 ไบต์
Currency
เป็นเลขที่มีค่าตั้งแต่ –922,337,203,685,477.5808 ถึง 922,337,203,685,477.5807
8 ไบต์
Date
เป็นวันที่ตั้งแต่ 1 มกราคม ค.ศ. 100 ถึง 31 ธันวาคม ค.ศ.9999
8 ไบต์
Object
เป็นข้อมูลที่อ้างอิงออบเจ็กต์ จึงเก็บแอดเดรสของออบเจ็กต์ไว้
4 ไบต์
String
เก็บสตริง หรือข้อความที่เรียงต่อกัน
64 KB หรือ 2 MB
Variant
เป็นข้อมูลชนิดพิเศษที่เก็บค่าได้ทุกแบบ (รวมไปถึงค่าพิเศษต่างๆ (ที่มีตัวเลข) เช่น EMPTY, NULL เป็นต้น)
16 ไบต์
 จากตารางจะเห็นว่าข้อมูลชนิด (Variant เป็นข้อมูลที่สามารถแทนชนิดข้อมูลอื่นๆ ได้ทุกแบบ โดย Visual Basic จะตัดสินใจเองว่าควรจะเก็บข้อมูลที่เป็น Variant แบบใด โดยยึดสภาวะรอบข้างในการตัดสินใจ (Context Decision)
ตัวแปร และการประกาศค่า (Variable and Variable Declaration)
Dim ชื่อตัวแปร AS ชนิดตัวแปร, ชื่อตัวแปร AS ชนิดตัวแปร, …

 
             ในการใช้ข้อมูลชนิดต่างๆ เราต้องกำหนดตัวแปรเพื่อให้กับข้อมูลชนิดที่เราต้องการ โดยเราจะต้องประกาศชื่อตัวแปรให้ Visual Basic ได้รู้จักโดยใช้คำสั่ง Dim (ย่อมาจาก Dimension)
หากเราไม่มีการระบุชนิดของตัวแปร Visual Basic จะกำหนดให้ชนิดตัวแปรนั้นเป็น Variant
ตัวอย่างการออกแบบและเขียนคำสั่งในโปรแกรม
             ให้ออกแบบหน้าจอภาพของฟอร์ม และกำหนดคุณสมบัติดังนี้
 การบวก
             1. กำหนดคุณสมบัติของฟอร์มและคอนโทรลต่างๆ ตามตารางดังนี้

ชนิดของคอนโทรล
ช่องคุณสมบัติ
ค่าที่กำหนดให้
Frame
Name
Frame1
TextBox
Name
Text1
Text2
Text3
CommandButton
Name
Caption
Cmdok
คำนวณ

2. ให้ดับเบิลคลิกที่ CommandButton ใน Frame การบวก แล้วเขียนคำสั่งทดสอบการใช้งาน ดังนี้
Private Sub Cmdok_Click()
Dim a As Integer, b As Integer, c As Integer
a = Text1.Text
b = Text2.Text
c = a + b
Text3.Text = c
End Sub
 
 
         การลบ
             3. กำหนดคุณสมบัติของฟอร์มและคอนโทรลต่างๆ ตามตารางดังนี้

ชนิดของคอนโทรล
ช่องคุณสมบัติ
ค่าที่กำหนดให้
Frame
Name
Frame2
TextBox
Name
Text4
Text5
Text6
CommandButton
Name
Caption
Cmdok1
คำนวณ

             4. ให้ดับเบิลคลิกที่ CommandButton ใน Frame การลบ แล้วเขียนคำสั่งทดสอบการใช้งาน ดังนี้
Private Sub Cmdok1_Click()
Dim a As Integer, b As Integer, c As Integer
a = Text4.Text
b = Text5.Text
c = a - b
Text6.Text = c
End Sub
 
 






 การคูณ
             5. กำหนดคุณสมบัติของฟอร์มและคอนโทรลต่างๆ ตามตารางดังนี้

ชนิดของคอนโทรล
ช่องคุณสมบัติ
ค่าที่กำหนดให้
Frame
Name
Frame3
TextBox
Name
Text7
Text8
Text9
CommandButton
Name
Caption
Cmdok2
คำนวณ

             6. ให้ดับเบิลคลิกที่ CommandButton ใน Frame การคูณ แล้วเขียนคำสั่งทดสอบการใช้งาน ดังนี้
Private Sub Cmdok2_Click()
Dim a As Single, b As Single, c As Single
a = Text7.Text
b = Text8.Text
c = a * b
Text9.Text = c
End Sub
 
 






                   การหาร
             7. กำหนดคุณสมบัติของฟอร์มและคอนโทรลต่างๆ ตามตารางดังนี้

ชนิดของคอนโทรล
ช่องคุณสมบัติ
ค่าที่กำหนดให้
Frame
Name
Frame4
TextBox
Name
Text10
Text11
Text12
CommandButton
Name
Caption
Cmdok3
คำนวณ


 
. ให้ดับเบิลคลิกที่ CommandButton ใน Frame การหาร แล้วเขียนคำสั่งทดสอบการใช้งาน ดังนี้
Private Sub Cmdok3_Click()
Dim a As Single, b As Single, c As Single
a = Text10.Text
b = Text11.Text
c = a / b
Text12.Text = c
End Sub
 
 







                   การทำงานกับสตริง
             9. กำหนดคุณสมบัติของฟอร์มและคอนโทรลต่างๆ ตามตารางดังนี้

ชนิดของคอนโทรล
ช่องคุณสมบัติ
ค่าที่กำหนดให้
Frame
Name
Frame5
TextBox
Name
Text13
Text14
Text15
CommandButton
Name
Caption
Cmdok4
รวมสตริง

             10. ให้ดับเบิลคลิกที่ CommandButton ใน Frame การทำงานกับสตริง แล้วเขียนคำสั่งทดสอบการ      ใช้งาน ดังนี้
Private Sub Cmdok4_Click()
Dim a As String, b As String, c As String
a = Text13.Text
b = Text14.Text
c = a + b
Text15.Text = c
End Sub
 
 
 โอเปอร์เรเตอร์ในการเปรียบเทียบ

สัญลักษณ์ของโอเปอร์เรเตอร์

ความหมาย

รูปแบบการใช้งาน
=
เท่ากับ
A = B
<> 
ไม่เท่ากับ
A <> B
< 
น้อยกว่า
A < B
> 
มากกว่า
A > B
<=
น้อยกว่าหรือเท่ากับ
A <= B
>=
มากกว่าหรือเท่ากับ
A >= B
ลำดับการทำงานของโอเปอร์เรเตอร์ (Precedence)
             ต่อไปจะกล่าวถึงลำดับการทำงานก่อนหลัง (Precedence) ของโอเปอร์เรเตอร์ชนิดต่างๆ ใน Visual Basic 6 โดยการเรียงลำดับการทำงานจากสูงสุดไปยังต่ำสุด
             ในการคำนวณค่าขอนิพจน์ใดๆ จะดูว่าโอเปอร์เรเตอร์ใดมีลำดับในการทำก่อนสูงสุดก็ให้หาค่าจากการกระทำของโอเปอร์เรเตอร์นั้นก่อน ตามด้วยหาค่าจากการกระทำของโอเปอร์เรเตอร์ที่มีลำดับในการทำงานต่ำลงมา และทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ผลลัพธ์ในขั้นสุดท้าย

ตารางแสดงลำดับการทำงานก่อนหลังของโอเปอร์เรเตอร์ โดยเรียงลำดับการทำก่อน เรียงจากบนลงล่าง


ชนิดของโอเปอร์เรเตอร์
โอเปอร์เรเตอร์
คำอธิบาย
โอเปอร์เรเตอร์คำนวณ
^
การยกกำลัง

การบอกว่าเป็นจำนวนลบ

*, /
การคูณ, การหาร

\
การหารจำนวนเต็ม

Mod
การหาเศษจากการหาร

+, –
การบวก, การลบ
โอเปอร์เรเตอร์เชื่อมต่อสตริง
&
การเชื่อมต่อสตริง
โอเปอร์เรเตอร์เปรียบเทียบ
=, <>, >=, <=, <, >, Like, Is
การเปรียบเทียบ
โอเปอร์เรเตอร์ตรรกะ
Not


And


Or


Xor


Eqv


Imp

ค่าคงที่ (Constant)
             ในกรณีที่ต้องใช้ข้อมูลที่มีค่าไม่เปลี่ยนแปลงตลอด เราจะใช้การกำหนดให้เป็นค่าคงที่

             User Defined Constant

             เป็นค่าคงที่ที่เราเป็นผู้กำหนดเอง โดยใช้คำสั่ง Const ในการประกาศค่าคงที่


  





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น